รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
หากพูดถึงเหล็กโครงสร้างที่ใช้ในงานก่อสร้าง ตัวเลือกที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้น เหล็กรูปพรรณ หรือเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ แต่ทราบกันไหมว่า จริง ๆ แล้ว เหล็กรูปพรรณสามารถแบ่งแยกย่อยประเภทไปได้อีก ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน วันนี้ทางคอทโก้จึงรวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับเหล็กโครงสร้างรูปพรรณมานำเสนอ เพื่อให้มือใหม่ได้ทำความรู้จักกับเหล็กโครงสร้างชนิดนี้มากยิ่งขึ้น
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณคืออะไร?
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “เหล็กรูปพรรณ” คือ วัสดุเหล็กกล้าที่ผ่านกระบวนการผลิตและขึ้นรูปให้มีลักษณะหน้าตัดและรูปทรงที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานก่อสร้างและงานวิศวกรรม เหล็กรูปพรรณเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการก่อสร้าง เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นทั้งในด้านความแข็งแรง ความทนทาน และมีน้ำหนักที่เบากว่าเมื่อเทียบกับวัสดุก่อสร้างอื่นที่ให้ความแข็งแรงเท่ากัน
กระบวนการผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณเริ่มต้นจากการหลอมเหล็กที่อุณหภูมิสูง จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการขึ้นรูปด้วยวิธีต่างๆ เช่น การรีดร้อน (Hot Rolling) หรือการขึ้นรูปเย็น (Cold Forming) เพื่อให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ ทำให้เหล็กรูปพรรณมีความหลากหลายทั้งในด้านขนาด รูปร่าง และคุณสมบัติในการรับแรง สามารถนำไปใช้งานได้ตั้งแต่โครงสร้างขนาดเล็กอย่างรั้วบ้าน ไปจนถึงโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างตึกระฟ้า สะพาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม
จุดเด่นที่สำคัญของเหล็กโครงสร้างรูปพรรณคือความสามารถในการรับแรงได้สูง มีความยืดหยุ่นที่ดี สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ตามความต้องการ และมีอัตราส่วนระหว่างความแข็งแรงต่อน้ำหนักที่สูง นอกจากนี้ยังสามารถทำการติดตั้งได้รวดเร็ว ประหยัดพื้นที่ใช้สอย และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้เหล็กโครงสร้างรูปพรรณเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับโครงการก่อสร้างที่ต้องการความคงทนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณมีอะไรบ้าง?
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็น
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็น หรือเหล็กรีดเย็น เกิดจากการขึ้นรูปเหล็กแผ่นในอุณหภูมิปกติ โดยใช้เหล็กแผ่นรีดร้อน หรือเหล็กแผ่นชุบสังกะสีเป็นวัตถุดิบ นำมาพับ ม้วน หรืองอแผ่นเหล็ก แล้วเชื่อมปิดรอยต่อแผ่นยาวตลอดแนว โดยเหล็กโครงสร้างประเภทนี้เหมาะกับงานโครงสร้างเสา โครงหลังคา และงานที่ต้องการความบางและคุณภาพผิวสูง เช่น แผ่นหลังคา เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็นที่พบเห็นบ่อย เช่น
- เหล็กฉากพับ (Cold Formed Channel) ใช้ในงานโครงสร้างหลังคา โรงงาน
- เหล็กรางพับ (Cold Formed Channel) ใช้กับงานโครงสร้างบ้าน อาคาร หลังคาโรงงาน หรือเสริมค้ำโครงสร้างเหล็กอื่นให้แข็งแรงขึ้น
- เหล็กตัวซี (Light Lip Channel) นิยมใช้สำหรับงานโครงสร้างหลังคา แปหลังคา โครงป้าย หรือเสาค้ำยันที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก
- ท่อกลมดำ (Carbon Steel Tube) ใช้กับงานโครงสร้างทั่วไป งานท่อลำเลียง ท่อการประปา ท่อชลประทาน
- เหล็กกล่อง (Steel Tube) ใช้ในงานโครงสร้างทั่วไป งานเสา คาน หลังคา ทำสะพาน ทำนั่งร้าน
- ท่อเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel Pipe) ใช้ในการเดินท่อลำเลียง ท่อประปา ท่อชลประทาน งานเดินสายไฟนอกอาคาร งานโครงสร้างต่าง ๆ รวมทั้งงานที่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น พื้นที่กลางแจ้ง หรือใกล้ทะเล เป็นต้น
2. เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน หรือเหล็กรีดร้อน เป็นเหล็กที่ถูกรีดในอุณหภูมิสูงประมาณ 1,200 องศา เพื่อให้มีหน้าตัดและรูปทรงตามที่ต้องการ โดยเหล็กที่ได้จะมีหน้าตัดใหญ่ มีความหนา เหมาะสำหรับงานโครงสร้างหลักของอาคารตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพราะรองรับน้ำหนักได้ดี
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนที่พบเห็นบ่อย เช่น
- เหล็กเอชบีม (H-Beam) ใช้กับงานโครงสร้างหลักของอาคาร เช่น เสา และคาน หรืองานโครงถัก เป็นต้น
- เหล็กไวด์แฟรงค์ (Wide Flange) ใช้กับงานโครงสร้างที่ต้องอาศัยความแข็งแรง ทนทาน เช่น อาคารสูง คอนโด โรงงาน และบ้านขนาดใหญ่ เป็นต้น
- เหล็กไอบีม (I-Beam) ใช้ทำรางเครนในโรงงานอุตสาหกรรม
- เหล็กฉาก (Angle Bar) ใช้ทำโครงสร้างต่างหลังคา เสา คาน โครงสร้างเบาะรถยนต์ ชั้นวางของอเนกประสงค์ รถเข็น
- เหล็กรางน้ำ (Channel Steel) ใช้กับงานประเภทรับน้ำหนัก เช่น บันได คานขอบด้านนอก
- เหล็กเพลาขาว (Steel Round Bar) เป็นเหล็กทรงกลมที่ผ่านกระบวนการดึงเย็นเพื่อให้ได้ผิวที่เรียบและเป็นเงามันวาว ซึ่งแตกต่างจากเหล็กเพลาดำที่มีสีเทาเข้ม เหล็กเพลาขาวมีความแข็งแรงและทนทานสูง นิยมนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำและสวยงาม เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ งานเฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรกล และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
- เหล็กแบน (Flat Bar) เป็นเหล็กที่มีหน้าตัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผลิตจากเหล็กแผ่นคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการตัดสลิตให้ได้ขนาดและความหนาที่เท่ากันตลอดทั้งเส้น มีทั้งแบบเหล็กแบนชนิดรีดและชนิดตัด นิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างที่ต้องการรับแรงในแนวราบ เช่น ทำราวบันได กรอบประตู หน้าต่าง และชิ้นส่วนต่างๆ ในงานอุตสาหกรรม รวมถึงงานตกแต่งที่ต้องการความสวยงามและแข็งแรง
- เหล็กเส้นก่อสร้าง (Round Bar) เป็นเหล็กที่ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.28/2529 และ 32/2532 มีลักษณะเป็นเส้นกลมเรียบ มีหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น RB6 (เหล็กเส้นกลม 2 หุน) และ RB9 (เหล็กเส้นกลม 3 หุน) นิยมใช้ทำปลอกเสาและปลอกคาน RB12 (เหล็กเส้นกลม 4 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป แต่ไม่เน้นงานที่ต้องการการยึดเกาะกับคอนกรีต ส่วน RB19 และ RB25 เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับแรงมากขึ้น เช่น งานทำถนนและงานยึดโครงป้ายขนาดใหญ่
- เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) เป็นเหล็กเส้นที่มีลักษณะพิเศษคือมีครีบหรือบั้งที่ผิวโดยรอบ ทำให้มีพื้นที่ผิวสัมผัสมากขึ้น ส่งผลให้ยึดเกาะกับคอนกรีตได้ดียิ่งขึ้น เหล็กข้ออ้อยเป็นวัสดุหลักในงานคอนกรีตเสริมเหล็กที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น โครงสร้างอาคารสูง คอนโดมิเนียม ถนนคอนกรีต สะพาน เขื่อน หรือสนามบิน เป็นต้น
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณประเภทไหนเหมาะกับงานอะไร?
จากที่กล่าวมาข้างต้น ขอสรุปการใช้งานเหล็กโครงสร้างรูปพรรณทั้ง 2 ประเภท ดังนี้
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็น เหมาะกับงานโครงสร้างที่รองรับน้ำหนักไม่มาก เช่น โครงสร้างทั่วไป โครงหลังคา งานนั่งร้าน งานค้ำยันเสา-คาน เป็นต้น
- เหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน เหมาะกับงานโครงสร้างหลักที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานสูง เช่น โครงสร้างอาคาร โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ เสาเข็มเจาะในงานก่อสร้าง เป็นต้น
ข้อดีของการใช้งานเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
- มีความทนทานแข็งแรง รองรับการสั่นสะเทือนได้ดี
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถดัด เชื่อมประกอบ หรือโค้งงอได้ง่าย
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีมลพิษด้านฝุ่นละออง
- ประหยัดเวลา เพราะพร้อมใช้งานทันที รวดเร็วกว่าวัสดุคอนกรีต
- รื้อถอนไม่ยาก สามารถใช้ซ้ำกับงานอื่น ๆ ได้
ข้อเสียของการใช้เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
- ค่าบำรุงรักษาสูง โดยเฉพาะเมื่อติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นหรือใกล้ทะเล เนื่องจากเหล็กมีโอกาสเกิดสนิมได้หากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม
- ไม่ทนไฟ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ เหล็กจะสูญเสียความแข็งแรงอย่างรวดเร็วเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้โครงสร้างอาจเกิดการพังทลายได้ จึงจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการพ่นวัสดุกันไฟ
- เสี่ยงต่อการโก่งเดาะ โดยเฉพาะในโครงสร้างที่มีความสูงมากและต้องรับแรงกดอัดในแนวดิ่ง ต้องมีการออกแบบและคำนวณอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันปัญหานี้
- อาจเกิดความเสียหายจากการล้า หากโครงสร้างต้องรับแรงกระทำซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ
- เสี่ยงต่อการแตกหักแบบเปราะในสภาพอากาศหนาวจัด ทำให้ต้องมีการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมาก
บ้านโครงสร้างเหล็ก มีข้อดีอย่างไร?
หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยตามมาว่า ถ้าสร้างบ้านเป็นโครงสร้างเหล็กจะดีไหม? ต้องบอกว่า บ้านโครงสร้างเหล็กได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะแข็งแรงไม่ต่างจากโครงสร้างปูน รวมทั้งมีเหล็กโครงสร้างหลายชนิดให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น เหล็กเอชบีม เหล็กไอบีม เหล็กรางน้ำ เหล็กฉาก หรือเหล็กกล่อง โดยเฉพาะเหล็กไอบีมที่รองรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
ซึ่งบ้านโครงสร้างเหล็กมีข้อดีตรงที่ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาผสมส่วนผสมต่าง ๆ สามารถนำเหล็กโครงสร้างไปใช้งานได้เลย นอกจากนี้การเดินท่อประปา ท่อร้อยสายไฟต่าง ๆ ก็ทำได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ต้องเลือกใช้เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กที่มี มอก. และติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความแข็งแรง ปลอดภัย
สั่งซื้อเหล็กโครงสร้างรูปพรรณคุณภาพสูงกับ Cotco Metal Works
เหล็กโครงสร้างรูปพรรณเป็นวัสดุที่มีบทบาทสำคัญในงานก่อสร้างสมัยใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความแข็งแรง ความทนทาน และความหลากหลายในการใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็นที่เหมาะกับงานโครงสร้างเบา และเหล็กรูปพรรณรีดร้อนที่เหมาะกับงานโครงสร้างหลักที่ต้องรับน้ำหนักมาก แต่ละประเภทประกอบด้วยเหล็กหลากหลายรูปแบบที่มีจุดเด่นแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ด้วยการเลือกใช้ที่เหมาะสมและการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เหล็กโครงสร้างรูปพรรณยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับงานก่อสร้างทุกประเภท
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเหล็กโครงสร้างรูปพรรณคุณภาพสูง Cotco Metal Works คือคำตอบที่ดีที่สุด ด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JIS) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของไทย (TIS) พร้อมบริการให้คำปรึกษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยคุณเลือกเหล็กโครงสร้างรูปพรรณที่เหมาะสมกับโครงการของคุณ สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ โทร. 02-285-2700 หรือ Line OA: @cotcometalworks ความมั่นใจในคุณภาพเริ่มต้นที่การเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐาน และ Cotco Metal Works พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของทุกโครงการของคุณ