วิธีอ่านสัญลักษณ์บนท่อเหล็ก เลือกเหล็กได้มาตรฐาน ไม่เสี่ยงพัง

ทำไมการตรวจสอบสัญลักษณ์บนท่อเหล็กถึงสำคัญ?

การเลือกท่อเหล็กที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเหล็กที่ไม่มีมาตรฐานอาจส่งผลต่อความแข็งแรง ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของโครงสร้าง หากคุณไม่แน่ใจว่าท่อเหล็กที่เลือกมีคุณภาพหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ โดยดูจาก สัญลักษณ์ที่พ่นบนท่อเหล็ก ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าท่อเหล็กนั้นมาจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้

5 จุดสังเกตสำคัญบนท่อเหล็ก

  1. มาตรฐานการรับรองคุณภาพ
    สัญลักษณ์ที่แสดงถึงมาตรฐานการรับรองคุณภาพจากองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น มอก., ASTM หรือ JIS คือเครื่องมือที่ช่วยยืนยันว่าเหล็กนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบและรับรองว่าได้มาตรฐานตามข้อกำหนดที่จำเป็นสำหรับการใช้งานต่างๆ การมีมาตรฐานการรับรองทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัย และความทนทานของท่อเหล็ก ไม่ว่าจะใช้ในงานโครงสร้างทั่วไปหรือในงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
  2. โลโก้บริษัทผู้ผลิต
    โลโก้ของผู้ผลิตที่พ่นบนท่อเหล็กมีบทบาทสำคัญในการยืนยันแหล่งที่มาของสินค้า สัญลักษณ์นี้ไม่ได้เพียงแค่บ่งบอกว่าเหล็กนั้นผลิตโดยบริษัทใด แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบแหล่งผลิตได้ง่ายขึ้น หากเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของท่อเหล็ก โลโก้ของผู้ผลิตจะทำให้สามารถติดต่อสอบถามหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงจากผู้ผลิตนั้นๆ เช่น Cotco Metal Works ซึ่งเป็นการแสดงถึงความน่าเชื่อถือและการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิต อีกทั้งยังทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้รับมาตรฐานที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยสูงสุด
  3. ชั้นคุณภาพของเหล็ก
    ชั้นคุณภาพของเหล็ก หมายถึง การแบ่งระดับคุณภาพตามลักษณะทางเคมีและคุณสมบัติที่ท่อเหล็กนั้นๆ มี โดยแต่ละชั้นจะมีการกำหนดค่าเกณฑ์เฉพาะที่ทำให้ท่อเหล็กเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเลือกท่อเหล็กตามชั้นคุณภาพที่เหมาะสมกับงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานและยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างต่างๆ ดังนี้
    • STK290 : ท่อเหล็กที่มีความต้านทานแรงดึงประมาณ 290 MPa (เมกะปาสคัล) ซึ่งเหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูงมาก
    • STK400 : ท่อเหล็กที่มีความต้านทานแรงดึงประมาณ 400 MPa ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงปานกลาง
    • STK490 : ท่อเหล็กที่มีความต้านทานแรงดึงประมาณ 490 MPa ซึ่งใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง
    • STK500 และ STK540 : ท่อเหล็กที่มีความต้านทานแรงดึงประมาณ 500 MPa และ 540 MPa ตามลำดับ ซึ่งเหมาะกับงานที่ต้องการความทนทานสูงสุด
  4. กรรมวิธีการผลิต
    กรรมวิธีการผลิตส่งผลต่อความแข็งแรงและคุณภาพของท่อเหล็ก โดยทั่วไปมี 2 วิธีหลัก ได้แก่ :
  • ERW (Electric Resistance Welding) การเชื่อมรอยต่อโดยใช้ความต้านทานไฟฟ้า ใช้ในท่อเหล็กทั่วไป เน้นความเรียบของแนวเชื่อม แข็งแรง และทนทาน
  • SAW (Submerged Arc Welding) การเชื่อมแนวตะเข็บแบบเกลียว ใช้กับท่อขนาดใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น ท่อสไปรัล หรือ ท่อเหล็กตะเข็บเกลียว
  1. ขนาดของท่อเหล็ก
    ท่อเหล็กจะมีการระบุขนาดตาม เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (OD), ความหนาผนังท่อ (Thickness) และ ความยาว ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกท่อเหล็กให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการ การตรวจสอบขนาดของท่อเหล็กช่วยให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณยังไม่มั่นใจว่าเหล็กที่เลือกมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กล่าวถึงหรือไม่ การเลือกซื้อเหล็กจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้ จะช่วยให้มั่นใจในคุณภาพของท่อเหล็กที่ใช้งานได้มากขึ้น ผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐานสากลและภายในประเทศ มักจะมีการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนการผลิตและมีการทดสอบเหล็กก่อนส่งมอบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจในคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ได้

Cotco Metal Works ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้คุณมั่นใจว่าเหล็กที่เลือกใช้งานมีคุณภาพ ผ่านการผลิตที่มีมาตรฐานและความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้ในทุกกระบวนการ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่อเหล็กมาตรฐาน ติดต่อเราได้ที่ Line@ : Cotcometalworks